AI บนคลาวด์ พลิกโฉมงานภาครัฐไทยสู่บริการประชาชนยุคใหม่

เมืองที่สัญญาณไฟจราจรปรับเปลี่ยนอัตโนมัติตามความหนาแน่นของรถ สายด่วนราชการที่ตอบคำถามประชาชนได้ตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด ระบบเตือนภัยน้ำท่วมที่แม่นยำจนสามารถอพยพประชาชนได้ก่อนน้ำท่วม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องในอนาคตอีกต่อไป แต่เป็นนวัตกรรมที่หน่วยงานรัฐในบางประเทศนำมาใช้แล้วจริง ๆ โดยแม้จะยังมีเพียงประมาณ 2% เท่านั้นที่ใช้งาน AI สำหรับบริการสาธารณะเต็มรูปแบบ แต่กว่า 2 ใน 3 กำลังอยู่ในช่วงสำรวจความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีนี้อย่างจริงจัง บทความนี้จะพาไปสำรวจการยกระดับภาครัฐด้วย AI บนคลาวด์ และพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีที่ทรงพลังนี้ไม่ได้ไกลเกินเอื้อมสำหรับหน่วยงานภาครัฐในประเทศไทยอีกต่อไป

ทำไมหน่วยงานรัฐยุคใหม่ควรหันมาใช้ AI?

ในยุคที่ข้อมูลคือ “ทรัพยากรล้ำค่า” ของโลก หน่วยงานภาครัฐทั่วโลกกำลังปรับตัวครั้งใหญ่ด้วยการนำ AI มาปฏิวัติงานบริการในทุกมิติ ซึ่งไม่ใช่แค่เพราะเป็นเทรนด์ทางเทคโนโลยี แต่เป็นความจำเป็นในการปรับตัว

การนำ AI มาใช้ในภาครัฐเกิดจากความท้าทายหลายประการที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน ทั้งความต้องการของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้นในขณะที่งบประมาณและกำลังคนมีจำกัด การบริหารจัดการเมืองและบริการที่ซับซ้อนขึ้นทุกวัน รวมถึงความคาดหวังของประชาชนที่ต้องการบริการที่สะดวกรวดเร็ว โดยที่ยังคำนึงถึงประเด็นความปลอดภัยของข้อมูล นอกจากนี้ ความท้าทายในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อตัดสินใจเชิงนโยบายก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้หน่วยงานรัฐต้องพึ่งพาเทคโนโลยี AI มากขึ้น

AI บนคลาวด์ พลิกโฉมงานภาครัฐไทยสู่บริการประชาชนยุคใหม่
ยกระดับงานบริการประชาชนแบบ 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการด้วยแชตบอตอัจฉริยะ

แชตบอตอัจฉริยะกำลังเข้ามาปฏิวัติการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐ ด้วยความสามารถในการให้ข้อมูลและตอบคำถามประชาชนได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวันไม่มีวันหยุด ไม่มีเวลาพัก แชตบอตหรือระบบผู้ช่วยเสมือนนี้ ไม่เพียงลดภาระเจ้าหน้าที่แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างก้าวกระโดด ประชาชนไม่ต้องเสียเวลารอสายโทรศัพท์หรือติดต่อซ้ำหลายครั้ง

 

แชตบอตของภาครัฐจะถูกสร้างขึ้นโดยคำนึงถึงมาตรฐานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ระบบคลาวด์เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ประชาชนแลกเปลี่ยนกับระบบมีความปลอดภัยสูงสุด โดยแชตบอตสามารถช่วยแนะนำขั้นตอนธุรกรรมอย่างละเอียด ช่วยกรอกเอกสารออนไลน์ รวมถึงแปลข้อมูลเป็นภาษาต่าง ๆ ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการหน่วยงานภาครัฐได้อย่างเท่าเทียมกัน

 

หลายเมืองในสหรัฐอเมริกา ได้นำ AI มาช่วยแปลเว็บไซต์ราชการ เช่น เมืองดีเอิร์บอร์น รัฐมิชิแกน ที่แปลเนื้อหาเป็นภาษาอาหรับและสเปน ทำให้ชุมชนหลากหลายเชื้อชาติสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเท่าเทียม ช่วยลดช่องว่างการเข้าถึงข้อมูลของประชาชน อีกตัวอย่างหนึ่งคือเมืองเรดดิ้ง ในรัฐแมสซาชูเซตส์  ที่ใช้ Generative AI สร้างเนื้อหาประชาสัมพันธ์และข่าวสารโดยอัตโนมัติ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเวลาแต่ยังช่วยให้การสื่อสารกับประชาชนมีความสม่ำเสมอ รวดเร็ว และครอบคลุมประเด็นสำคัญได้อย่างครบถ้วนอีกด้วย

AI บนคลาวด์ พลิกโฉมงานภาครัฐไทยสู่บริการประชาชนยุคใหม่
AI สร้างเมืองอัจฉริยะด้วยการจัดการจราจรและความปลอดภัยแบบเรียลไทม์

ในเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ของสหรัฐอเมริกา ได้นำระบบ AI มาวิเคราะห์การจราจรตามสี่แยกแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถปรับไฟจราจรอัตโนมัติเพื่อแก้ปัญหารถติดได้อย่างตรงจุด สามารถลดเวลาการจอดรอสัญญาณไฟ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงขณะรถติด และยังสามารถลดอุบัติเหตุจากการฝ่าไฟแดงได้อีกด้วย นวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่ทำให้การจราจรคล่องตัวขึ้น แต่ยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างเห็นได้ชัด

 

ส่วนด้านความปลอดภัยสาธารณะ ตำรวจในเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ประยุกต์ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลอาชญากรรมสำหรับค้นหารูปแบบและแนวโน้มของการก่อเหตุในพื้นที่ต่าง ๆ เทคโนโลยีนี้ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถคาดการณ์จุดเสี่ยงและจัดสรรกำลังพลไปเฝ้าระวังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้สามารถป้องกันอาชญากรรมได้ก่อนเกิดเหตุจริงและสร้างความปลอดภัยให้กับชุมชนได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้การใช้ข้อมูลดังกล่าวจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลและปฏิบัติตามมาตรฐานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ระบบคลาวด์ที่เข้มงวด

 

ในส่วนของการเดินทางและคมนาคมขนส่ง สนามบินนานาชาติขนาดใหญ่อย่างฮาร์ทสฟิลด์–แจ็คสัน ได้นำระบบวิเคราะห์วิดีโอด้วย AI มาตรวจสอบความหนาแน่นของผู้โดยสารในแต่ละจุด ทำให้สามารถบริหารจัดการจุดตรวจและพื้นที่แออัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่สนามบินอัมสเตอร์ดัมสคิปโฮลในเนเธอร์แลนด์ได้นำเครื่องสแกนสัมภาระที่มี AI ขั้นสูงมาใช้ ซึ่งช่วยให้ผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องนำของเหลวหรือแล็ปท็อปออกจากกระเป๋าเมื่อผ่านจุดตรวจ ทำให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วขึ้นโดยไม่ลดทอนมาตรฐานความปลอดภัย แสดงให้เห็นว่า AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานไปพร้อม ๆ กับการยกระดับประสบการณ์ของประชาชนผู้ใช้บริการได้

AI พลังแห่งการจัดการภัยพิบัติยุคใหม่

ในยุคที่สภาพภูมิอากาศผันผวนและภัยพิบัติเกิดบ่อยและรุนแรงขึ้น AI กลายเป็น “ผู้ช่วยชีวิต” ที่สำคัญในการรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลสภาพอากาศ ปริมาณน้ำฝน ความชื้น และปัจจัยแวดล้อมจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำกว่าวิธีการแบบดั้งเดิม

 

ด้วยความสามารถในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก ทำให้ AI สามารถจำลองสถานการณ์ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นและแสดงพื้นที่เสี่ยงได้อย่างละเอียด หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจึงสามารถวางแผนรับมือได้ล่วงหน้า นอกจากนี้ หลังจากเหตุการสงบ AI ยังสามารถวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศเพื่อประเมินความเสียหายและจัดลำดับความช่วยเหลือแก่ประชาชนได้อีกด้วย โดยในปี 2023 เทคโนโลยีนี้ถูกนำมาใช้จริงในเหตุการณ์สำคัญ 2 ครั้ง คือ เหตุการณ์เขื่อนโนวา คาคอฟคาในยูเครนแตก และเหตุไฟป่าครั้งใหญ่ที่เกาะเมาวี สหรัฐอเมริกา โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้ภาพถ่ายทางอากาศร่วมกับการวิเคราะห์ของ AI เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ทำให้สามารถบรรเทาความเสียหายและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

AI บนคลาวด์ พลิกโฉมงานภาครัฐไทยสู่บริการประชาชนยุคใหม่
ปฏิวัติสาธารณสุขด้วยปัญญาประดิษฐ์

AI สามารถพลิกโฉมงานด้านสาธารณสุขได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยจำนวนมากจากโรงพยาบาล คลินิก และฐานข้อมูลสุขภาพทั่วประเทศ เทคโนโลยีนี้ช่วยให้หน่วยงานสาธารณสุขสามารถค้นหาแนวโน้มด้านสุขภาพของประชาชน ตรวจจับสัญญาณการระบาดของโรค และระบุปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพเฉพาะพื้นที่หรือกลุ่มประชากรได้อย่างแม่นยำ

 

ความปลอดภัยของข้อมูลผู้ป่วยเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเข้มงวด ระบบ AI สำหรับงานสาธารณสุขจึงต้องปฏิบัติตามมาตรฐานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ระบบคลาวด์อย่างเคร่งครัดและต้องจัดเก็บข้อมูลไว้ในศูนย์ข้อมูลในประเทศเพื่อให้มั่นใจว่าความปลอดภัยของข้อมูลสุขภาพของประชาชนยังได้รับการคุ้มครองสูงสุด

 

นอกจากนี้ AI ยังสามารถช่วยวิเคราะห์ความต้องการด้านสุขภาพของประชาชนเพื่อช่วยจัดสรรทรัพยากรทางการแพทย์ เช่น เตียงผู้ป่วย บุคลากร หรือเวชภัณฑ์ได้อย่างเหมาะสม การวิเคราะห์แนวโน้มการเจ็บป่วยตามฤดูกาลช่วยให้ระบบสาธารณสุขสามารถเตรียมพร้อมรับมือได้ล่วงหน้า เช่น การจัดเตรียมวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่เพียงพอในช่วงที่โรคมักระบาด หรือการส่งทีมแพทย์เคลื่อนที่ไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง

 

ระบบผู้ช่วยสนทนาอัจฉริยะยังสามารถตอบคำถามประชาชนเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาล ช่วยแนะนำวิธีกรอกแบบฟอร์ม หรือตอบข้อสงสัยเรื่องการชำระเงินค่ารักษาได้ทันทีผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ต้องการโดยไม่ต้องรอสายโทรศัพท์หรือเดินทางมาที่โรงพยาบาลเอง

 

ปกป้องงบประมาณแผ่นดินอย่างชาญฉลาด

AI ไม่เพียงช่วยในงานบริการประชาชนเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการปกป้องเงินภาษีของประชาชนและเพิ่มความโปร่งใสในการบริหารงบประมาณแผ่นดิน โดยสามารถวิเคราะห์ข้อมูลการเงินและงบประมาณเพื่อค้นหารูปแบบการใช้จ่ายที่ผิดปกติหรือมีลักษณะที่อาจเข้าข่ายการทุจริตซึ่งมนุษย์อาจมองข้ามได้ง่ายด้วยความสามารถในการสแกนเอกสารจำนวนมหาศาลในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมทั้งแจ้งเตือนรายการที่มีความเสี่ยงสูงให้ผู้ตรวจสอบทราบ อย่างไรก็ตาม การใช้ AI ช่วยทำงานในลักษณะนี้ จำเป็นต้องมีศูนย์ข้อมูลในประเทศมารองรับ เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลอ่อนไหว

 

จากการศึกษาในรัฐวอชิงตันพบว่า การตรวจจับการฉ้อโกงด้วยวิธีการตรวจสอบแบบเดิมที่ใช้คนทำมีประสิทธิภาพเพียงประมาณ 5% ของกรณีทั้งหมดที่เกิดขึ้นจริง ในขณะที่การนำ AI มาช่วย ทำให้สามารถสแกนหาการทุจริตในข้อมูลจำนวนมากได้ครอบคลุมและแม่นยำกว่ามาก ซึ่งนับเป็นการยกระดับมาตรการป้องกันการทุจริตให้ทันกับเทคนิคการฉ้อโกงที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นในปัจจุบัน

 

นอกจากการตรวจจับการทุจริต ระบบอัจฉริยะยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานด้านการเงินการคลังได้อย่างน่าทึ่ง ตัวอย่างเห็นได้จากกรณีเมืองเมาท์เลบานอน ในรัฐเพนซิลเวเนีย ที่ได้นำแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาช่วยในการเข้ารหัสและประมวลผลใบแจ้งหนี้ภาครัฐ ผลลัพธ์ที่ได้คือสามารถลดเวลาในการดำเนินการจากเดิมที่ใช้เวลา 1 สัปดาห์ เหลือเพียง 1-2 วันเท่านั้น การลดระยะเวลาในขั้นตอนทางการเงินเช่นนี้ไม่เพียงช่วยประหยัดทรัพยากรบุคคล แต่ยังช่วยลดความผิดพลาดจากการทำงานด้วยมือ และเพิ่มความพึงพอใจให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย

 

การนำ AI มาใช้กับหน่วยงานภาครัฐ ไม่ใช่เพียงเพื่อความทันสมัย แต่เป็นการยกระดับงานบริการประชาชน และ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างเป็นรูปธรรมที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจน ทั้งนี้การจะผสาน AI เข้ากับงานภาครัฐบนแพลตฟอร์มคลาวด์ให้ประสบความสำเร็จ ต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ปลอดภัย และเข้าใจบริบทเฉพาะของราชการไทย การมีศูนย์ข้อมูลในประเทศ จะช่วยให้หน่วยงานรัฐสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ระบบคลาวด์ และข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างครบถ้วน ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลสำคัญของรัฐบาลและประชาชนจะได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ และผลลัพธ์สำคัญที่สุดที่จะได้รับคือ คือ ประชาชนได้รับบริการที่ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น และเกิดประสิทธิผลสูงสุดจากการใช้งบประมาณแผ่นดิน ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญสู่รัฐบาลดิจิทัลที่ใส่ใจ และตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยอย่างแท้จริง

วันที่เผยแพร่ 12 มิถุนายน 2568

แหล่งอ้างอิง

AIS Business พร้อมเป็นพันธมิตรดิจิทัล ที่มั่นใจได้ เพื่อพัฒนาธุรกิจและสังคมไทย
เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน
"Your Trusted Smart Digital Partner"

ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่
Email : [email protected]
Website : https://www.ais.th/business