ถ้าใครกำลังมองหาทริปธรรมชาติในญี่ปุ่น ที่มีทั้งภูเขา น้ำใส และอากาศเย็นกำลังดี ต้องขอแนะนำสุดใจเลย — คามิโคจิ (Kamikochi) จังหวัดนากาโนะ 🌲
ที่นี่คือหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมช่วง ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ของญี่ปุ่น
ทริปนี้เราออกเดินทางวันที่ 17 ตุลาคม 2025 ช่วงเวลาที่อุณหภูมิกำลังเย็นสบายสุด ๆ ประมาณ 10 กว่าองศา พอดีให้ได้ใส่เสื้อกันหนาวสวย ๆ เดินเล่นโดยไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป
เราเดินทางไปคามิโคจิด้วยการขับรถไปเอง บอกเลยว่าเดินทางไม่ยากเลย เราเริ่มต้นจาก เมืองมัตสึโมโต (Matsumoto) ซึ่งห่างจากคามิโคจิประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง การขับรถเที่ยวญี่ปุ่นรอบนี้สบายมาก เพราะถนนดี วิวสวยตลอดทาง แล้วมีเน็ตดี ๆ อย่าง SIM2Fly ช่วยได้เยอะมาก! เปิด GPS ไหลลื่นสุดๆ
เราออกจากที่พักตั้งแต่ 7 โมงเช้า ขับเรื่อย ๆ ผ่านภูเขาและอุโมงค์ยาว ๆ จนถึง Sawando Parking Area ซึ่งเป็นจุดจอดรถหลักก่อนเข้าเขตอุทยาน
🅿️ หมายเหตุสำคัญ: รถส่วนตัว ห้ามขับเข้าอุทยานคามิโคจิโดยตรง เพื่อรักษาธรรมชาติ ต้องจอดรถที่ Sawando แล้วต่อรถบัสเข้าไปแทน (ค่าจอด 800 เยน)
เดินทางมาสักพัก เราก็ถึง Sawando ช่วงเวลาที่เรามาถึงเป็นช่วงเช้า ลานจอดว่างมากกก เลือกจอดได้สบายมีคุณลุงคุณป้าชาวญี่ปุ่นคอยให้บริการเก็บค่าจอด หลังจอดรถเรียบร้อยเราไปซื้อตั๋วรถบัสที่จุดจำหน่ายใกล้ ๆ กัน ราคาประมาณ ¥2,800 (ไป–กลับ) ใช้เวลานั่งราว ๆ 30 นาที วิวสองข้างทางคือดีมากกกกก 🌲⛰️
ระหว่างทางผ่านแม่น้ำและป่าสน เหมือนอยู่ในฉากอนิเมะญี่ปุ่นเลยจริง ๆ ขึ้นมาบนนี้ลมหนาวพาใจสั่นอยู่นะ เพราะอากาศบนเขาจะเย็นกว่าตัวเมืองพอสมควร ❄️
รถบัสที่เราขึ้นมาอุทยานจะจอด 2 จุดหลักๆ Taisho Pond และ Kappa Bridge ตรงนี้แล้วแต่ว่าจะเริ่มเดินที่จุดไหน ซึ่งเส้นทางในคามิโคจิจะเป็นแบบนี้
📍 จุดเดินชมธรรมชาติยอดนิยมในคามิโคจิ
ส่วนเราเลือกลงที่ Taisho Pond (ทะเลสาบไทโช) แล้วเดินต่อไป Kappa Bridge (สะพานคัปปะ) เพราะเราอยากเห็นธรรมชาติตั้งแต่ต้นทาง ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งแบบชิล ๆ ที่แอบเหนื่อย อากาศที่เย็น ๆ รู้สึกร้อนนิด ๆ ขึ้นมาเลย แต่ก็เพลิน ๆ นะ เหมาะกับคนที่อยากสัมผัสธรรมชาติจริง ๆ
ถึงแม้ใบไม้จะยังไม่เปลี่ยนสีเต็มที่ แต่ความเขียวที่สลับส้มเล็กน้อยของป่ายังคงมีเสน่ห์เฉพาะตัว 🌿🍂 โดยเฉพาะ แม่น้ำอาซุสะ (Azusa River) ใสจนมองเห็นพื้นหินใต้น้ำ — สวยจนหยุดมองไม่ได้จริง ๆ
ระหว่างเดินได้ยินเสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งจากนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ เส้นทางที่เดินก็จะมีกระดิ่งไว้ให้เราสั่นด้วย เขาเอาไว้ไล่หมีนะ (จริงจังแต่ฟังแล้วน่ารักดี 😂) เหมือนช่วงที่ไปที่ญี่ปุ่นมีข่าวว่าหมีออกมาบริเวณที่อยู่อาศัยของผู้คนแทบทุกวัน
ถึงแล้ววววว! จุด Highlight ของคามิโคจิ ภูเขาสวยมากกกกกก จุดนี้คือ Kappa Bridge (คนแอบเยอะ คนไทยก็เยอะ 😂) ภาพภูเขาจริงชัดเจนมาก ภูเขาลูกใหญ่ ที่เห็นลายเขา เห็นลายต้นไม้ ใครอยากเห็นให้ชัดกว่านี้ ส่องกล้องส่องทางไกลได้เลย ซูมใกล้มากจนมองเห็นท้องฟ้าหลังเขาได้ 😂
ที่ Kappa Bridge (สะพานคัปปะ) นอกจากเป็นจุดชมวิวแล้ว ยังเป็นที่พักกินข้าว (แต่ราคาแอบแรงเลยนะตีเป็นเงินไทยน่าจะประมาณ 400 กว่าบาทต่อเมนู) มีร้านค้าให้ซื้อของฝาก มีพิพิธภัณฑ์ แล้วก็เป็นจุดขึ้นรถบัสกลับไปที่ลานจอดรถ Sawando เราซื้อตั๋วขาไป - กลับ สามารถไปเข้าแถวต่อคิวได้เลย แต่ต้องต่อคิวให้ถูกป้ายสถานีนะ สังเกตจากป้ายได้ว่ารถแต่ละคันไปจอดที่ไหนบ้าง
สิ่งที่ทำให้การเที่ยวคามิโคจิครั้งนี้ ราบรื่นมากกกก คือเราพก SIM2Fly แบบ eSIM ของ AIS ไปด้วย เน็ต 5G เต็มสปีด เร็ว แรงไม่มีสะดุด ขึ้นเขา เข้าอุโมงค์ยังมีสัญญาณ เพราะเขาจับสัญญาณเครือข่ายที่ดีที่สุดตอนนั้นให้อัตโนมัติ แพ็กที่ใช้คือ SIM2Fly Asia & Australia ราคา 399 บาท ใช้งานได้ 10 วัน ได้เน็ต 6GB ความเร็วสูงสุด ใช้หมดแล้วยังเล่นต่อเน็ตได้แบบไม่หลุด เรียกว่า “เน็ตดีชีวิตไม่หลง” เพราะใช้เปิด Google Maps ได้ตลอด ไม่มีดีเลย์เลย แถมยังได้ดีลพิเศษจาก WanderJoy เป็นส่วนลดสูงสุด 17% จากร้าน Don Quijote ทุกสาขาทั่วญี่ปุ่นอีกด้วย
📍 ดูตารางรถบัส Sawando – Kamikochi และจองตั๋วออนไลน์ที่นี่
📱 ดูแพ็กเกจ SIM2Fly เพิ่มเติมได้ที่เว็บ AIS
แล้วเตรียมออกเดินทางสู่อ้อมกอดของธรรมชาติกันเลย
© 2025 Advanced Info Service PLC. All rights reserved.