อัตราการโดนปลดจากผู้สันทัดกรณีที่ UK ระบุว่า ผจก. ที่เสี่ยงตกงานมากสุด
อันดับ 1 แกรม พอตเตอร์ (เวสต์แฮม)
อันดับ 2 รูเบน อโมริม
อันดับ 3 วิตอร์ เปเรย์รา (วูล์ฟแฮมป์ตัน)
ผลงานในแบบที่เห็นมันคือแรงกดดันให้ไล่ออก มันไม่มีทางเลือกอื่นๆ สำหรับชีวิตผจก.ทีม แม้คุณจะเป็นหนึ่งในแนวร่วม โปรเจกต์ 150 ก็ตาม
อธิบายนิดหนึ่งว่า....อะไรคือ โปรเจกต์ 150
มันคือโครงการพัฒนาทีมสู่แชมป์พรีเมียร์ลีก ในปีที่สโมสรก่อตั้งครบรอบ 150 ปี...พอดี
นับนิ้วแล้วเหลืออีก3 ซีซั่น กว่าจะถึงปี 2028 ซึ่ง เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ และทีมบริหารตั้งเป้าไว้
แมนยูไนเต็ด ก่อตั้งเมื่อปี 1878 ในนาม นิวตัน ฮีธ จากนั้นปี 1902 เปลี่ยนชื่อเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกสามปีจึงครบรอบการก่อตั้งสโมสร 150 ปีพอดี
ทีมบริหารอยากให้มีงานใหญ่เพื่อเฉลิมฉลอง จึงเดินหน้าโปรเจกต์ 150 ขึ้น
รูเบน อโมริม คือหนึ่งในโปรเจกต์นั้น แต่ถ้า...ผลงานยังไม่ดีขึ้นก็คงต้องหาคนแทน
ตั้งแต่ 24 พ.ย.2024 ถึงเกมล่าสุดมันคือนัดที่ 31 ภายใต้การคุมทีมของ อโมริม สถิติบอกว่าชนะ 8 เสมอ 7 แพ้ 16 เปอร์เซนต์ชนะแค่ 36.1% (รวมถ้วยอื่นด้วย)
ตัวเลขนี้แย่สุดในประวัติศาสตร์ วิลฟ์ แมกกินเนสส์ 36.78%
มาดูเบื้องหลังนัดแพ้เรือใบสักนิดหนึ่ง
ประตูแรกที่เสีย...มีนักเตะแมนยูในเขตโทษ....เท่าไหร่นับได้มั้ยครับ
7 คน....!!!!
นักเตะเรือใบแค่ 3 คือ โดกู, โฟเด้น และ ฮาลันด์ กลายเป็น โฟเด้น ยืนโหม่งง่ายๆโล่งๆ
ประตู 2-0 จากลูกทุ่ม พังทั้งระบบการรับ
น.51 มาซราวี ทุ่มให้ เอ็มเบอโม ริมเส้น เอ็มเบอโม แปะคืน....แต่ออกข้าง เรือใบได้ทุ่ม โอ'ไรลีย์ ทุ่มบอลครั้งแรก โดนจิ้มออกได้ทุ่มครั้งสองให้ โฟเด้น ขยับมารับและแปะคืนให้
ริมเส้นตรงนั้นมีนักเตะเรือ 2 คน แมนยู 3 มาซราวี, อูการ์เต้ และ เอ็มเบอโม ล้อมอยู่ โอ'ไรลีย์ แตะลอดขา อูการ์เต้ แล้วให้ โฟเด้น พลิกหลบ มาซราวี แทงให้ โดกู ที่ โยโร่ ประกบ
โยโร่ ประกบไม่ดีเลย โดกู บังบอลแล้วจ่ายช่อง เดอลิกต์ โดย ฮาลันด์ อยู่หลังเดอลิกต์ แต่หน้า ชอว์ บอลทะลุช่อง ฮาลันด์ เร็วกว่า ชอว์ เยอะ แถม บายินดีร์ ออกมาช้า เลยโดนยิงข้ามตัวเข้า
อันนี้พังทั้งระบบการรับ จากริมเส้นจนถึง บายินดีร์
ร่วมด้วยช่วยกัน
ประตู3-0
จังหวะสวนกลับ....เพราะแมนยู เสียบอล
อูการ์เต้ จ่ายแบบสปีดบอลให้ ชอว์ ต้องจับแต่ง เลยโดน แบร์นาโด ซิลวา เข้าแย่ง (ยืนใกล้ๆ)
อูการ์เต้ ไม่ละเอียดในการจ่ายบอล พอแย่งได้ ข้างหลัง แม็กไกวร์ โล่งโจ้ง ซิลวา แทงให้ ฮาลันด์ เดี่ยวๆ เลือกมุมยิง
ระบบไม่ใช่ปัญหา
ถึงจุดนี้นำมาซึ่งการถกเถียง..เรื่องระบบการเล่น 3-4-2-1 ไม่เวิร์คสำหรับทีมปีศาจแดง
ผลงานออกมาแบบนี้....ข้อสรุปเบื้องต้นคือ "ไม่"
แต่...ระบบการเล่นฟุตบอลบนโลกใบนี้ ทั้งแบ๊กโฟร์, หลัง 3 จะ3-4-3,3-4-2-1,3-5-2 ล้วนแล้วแต่คิดค้นกันขึ้นมาเพื่อเอาชนะในเกม
ประเด็นมีสองเรื่องที่ต้องถกกันครับ
1 ระบบนั้นเหมาะกับนักเตะในทีมของคุณหรือไม่
2 ทางเดียวกันนักเตะที่คุณส่งตามตำแหน่งในระบบนี้ เขาเล่นได้หรือไม่....
สองข้อนี้เหมือนจะ "เหมือนกัน" แต่แตกต่าง
เหมือนไก่กับไข่อะไรเกิดก่อน
ข้อแรกคือ....เมื่อนักเตะคุ้นกับหลังสี่มานาน วันหนึ่งคุณมาใหม่แล้วใส่ระบบของคุณ 5-6 เดือนแรกจึงเห็น อโมริม สลับตำแหน่งไปหมด คนนั้นเล่นวิงแบ๊ก, เซนเตอร์, มิดฟิลด์ ผลงานก็อย่างที่เห็นจบอันดับ 15 แพ้มากกว่าชนะ
เขาได้ข้อสรุปว่า....ต้องหานักเตะใหม่มาใส่ระบบนี้
ซื้อ คุนญ่า, เอ็มเบอโม, เชชโก้ ตัวรุกทั้งนั้นเลย
มีการปรับตำแหน่งใน 4 นัดแรกอย่างที่เห็น 3 เซนเตอร์ได้แล้ว 2 วิงแบ๊กพอมองเห็น (ก็ยังสลับ)
เกมแรกเล่นได้ดีกับอาร์เซนอล แต่แพ้ เกมสอง นำก่อนเสมอ เกมสาม เฉือนเบิร์นลีย์ เสียสองลูก เกมล่าสุด "เละ"
สี่นัด 4 แต้ม ย่ำแย่สุดนับจากซีซั่น 1992-93 ยุคท่านเซอร์ แพ้สองเกมแรก, เสมอ และชนะ
บทสรุปข้อแรก...คงต้องรอให้ไปสุดทางครับ จึงจะตอบว่า "ระบบหลังสาม" ของอโมริม "เวิร์คมั้ย"
ด้วยเพราะเขายังทำงาน....ยังไม่โดนไล่ออกก่อน ยังพอมีเวลาให้แก้ไข.....
คราวนี้มาข้อสอง ตำแหน่งของนักเตะ โอเคมั้ย
วิงแบ๊กใคร....มิดฟิลด์คู่กลาง...เบอร์สิบคู่...สามเซนเตอร์...หน้าเป้า....กระทั่งประตู
ข้อนี้แหละ....ผมมองว่ามันคือปัญหามากกว่าระบบ
ยกตัวอย่างนะครับ....
3 เซนเตอร์และสองวิงแบ๊กเมื่อป้องกันคือ 5 ประตูที่เสียให้เบิร์นลีย์ 1-1 สัปดาห์ก่อนโน้น ลูกดีดเข้าของ ไลล์ ฟอสเตอร์ ง่ายมากเลย
บอลจากด้านข้างเปิดเข้ามาแบบสบายๆ (ดาโลต์ ไม่เข้า) จากนั้นบอลโค้งเข้าหากรอบโทษ มี เดอ ลิกต์ ซ้อน ดาโลต์ ไม่รู้ซ้อนทำไม บรุนน์-ลาร์เซ่น คนเปิดไม่ได้เลี้ยงเข้ามา บอลผ่านเข้ามา ชอว์ กับโยโร่ ยืนห่างมากฟอสเตอร์ แทรกตัวว่างๆ กระโดดจิ้มเข้าประตู
ไลน์รับยืนเรียงกัน 4-5 คน ฟอสเตอร์ คนเดียวทำได้ นี่คือ "ระบบป้องกัน" บอลจากด้านข้างพื้นๆเลย
ผ่านมาหมดเหมือนไฟเขียว....เหมือนเป็น "กรวยจราจร" ไม่ขยับ ไม่ประกบคนว่าง ไม่ตื่นตัวกับคู่แข่ง
มาลูก2 ที่แอนโธนีย์ ยิงเข้า....จากลูกทุ่มไกล
แมนยู มีนักเตะในเขตโทษ 11 คน เบิร์นลีย์ 7อัตราส่วนยังไงก็ "รุม" แต่บอลหลุดเสาแรกมาได้ ชอว์ โหม่งไม่ขาด โดน แอนโธนีย์ ยิงสวนเข้าไป
5 ประตูที่เสียให้เบิร์นลีย์+แมนฯซิตี้ ชัดเลยเรื่อง "การป้องกัน" ทั้งส่วนตัวและระบบ
คำถามคือว่า...ถ้าเล่นหลัง 4 แล้วการยืนจะดีขึ้นกว่านี้มั้ย
ผมว่าไม่....นะครับ เพราะการประกบ การสอดซ้อนมันคือเรื่องพื้นฐานของการป้องกันในทุกระบบ จะหลังสี่หรือสาม ไม่มีความต่าง
แค่ว่า....นักเตะตัวรับหรือต้องเล่นเกมรับ "ทำอะไร" ที่หน้างาน
มารค์กิ้ง มั้ย...cover มั้ย....ผิดพลาดส่วนบุคคลมั้ย
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับการป้องกันของนักเตะผีชุดนี้หมดเลย
ใช่ครับ....นักเตะชุดนี้หลายคนยังไม่ดีพอ แต่บอลมันพัฒนากันได้ครับ คงไม่หยุดนิ่งซะทีเดียว
แค่พัฒนาแล้วดีขึ้นมากหรือไม่แย่กว่าเดิม
สำคัญคือมันต้องเห็นผลเร็วที่สุดเรื่อง "เกมรับ" เมื่อนั้นระบบหลัง 3 จะไม่ถูกพูดถึง
นี่เฉพาะเกมรับนะครับ.....ยังไม่ได้ว่าถึงเกมรุกเลย
บรูโน่ อยู่ผิดที่ผิดทาง
พูดกันเยอะเรื่อง บรูโน่ แฟร์นันด์ส คือตำแหน่งของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส หรือเบอร์8
ปัญหาของ บรูโน่ ในสี่เกมที่เห็นคือ "การเล่นเกมรับ" มีส่วนรับผิดชอบ2 ลูกที่เสียใน 4 เกม
นัดเสมอฟูแล่ม ตาม เอมิล สมิธ-โรว์ ไม่สุด นัดแพ้ซิตี้เมื่อคืนวันอาทิตย์ ยืนดู โฟเด้น โหม่งง่ายๆ
โดยบทบาทหน้าที่...เมื่อรับก็ต้องเล่นเกมรับ เมื่อรุก ก็ต้องสวิทช์บอลยาว..หาจังหวะจ่ายแนวลึก
ผมเข้าใจเหตุผล อโมริม ที่วางเขาไว้เบอร์8 ทำไมไม่เป็นเบอร์ 10 ข้างบน เพราะมี คุนญ่า,เอ็มเบอโม่มาแล้ว
มิดฟิลด์ ที่มีอยู่ตรงกลาง ยังไม่น่าวางใจ ต้องมีคนคุมเกม
อูการ์เต้ กับ เมนู (อโมริม ไม่ไว้ใจมาก) กาเซมิโร เล่นได้แค่ 50-60 นาที แมนยู เองก็ไม่ซื้อมิดฟิลด์เกรด A มาเสริมด้วย
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ เขาเดินเกมรุกไม่ได้ถนัด ไม่ได้วางบอลหลังไลน์, ไม่มีสวิทช์ข้ามฟาก ไม่มีจ่ายแนวลึกมากนัก เน้นวิ่งไปมา ต่อบอลสั้นๆ บางทีก็ไปทับตำแหน่งเพื่อน
ยิ่งเกมรับ....คือเสียเลย เหม่อ ไม่ตื่นตัวในการป้องกัน
แน่นอน...มันเหมือนเขาถูกจับไปเล่นในตำแหน่งที่ไม่เหมาะ หรือไม่สามารถใช้ความเก่งของเขาได้ดีที่สุด
อันนี้....อโมริม ต้องรับผิดชอบไป
คงต้องกล้าใช้....อูการ์เต้-เมนู เพราะถ้าไม่ใช้นานๆเล่นด้วยกัน...ยากที่จะเข้าใจและคลิ๊กกัน เห็นพรีซีซั่นใช้อยู่....พอเล่นจริงไม่ใช้ซะงั้น
โอเค....ถึงตรงนี้ยังต้องเถียงเรื่องระบบหลังสามกันต่อ
จุดนี้ รูเบน อโมริม ยืนยันเสียงแข็งปากกล้าด้วย "ผมจะไม่เปลี่ยนระบบการเล่น และปรัชญาของผม ยกเว้นแต่คุณจะเปลี่ยนคนทำงานแทน"
จะบอกว่า "ท้าทาย" คงไม่เชิง แต่คงตอบโต้นักข่าวและเสียงวิจารณ์ที่ถาโถมเข้าใส่
ทางเดียวที่เขาจะลดความกดดันให้เบาบาง เขาต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้กับระบบหลังสาม จนกว่า....จะไม่มีเวลาเหลือให้ทำงาน
ถึงวันนั้น....แมนยูไนเต็ด จะใช้โค้ชคนที่ 8 ใน 12 ปี
หลายคนบอกว่าเปลี่ยนโค้ชบ่อยไม่ดี นับหนึ่งใหม่....ทุกครั้ง แต่ถ้าที่เป็นอยู่มันไม่ดี...มันก็ต้องเปลี่ยน
งานระดับ 8 ริคเตอร์ที่โรงละคร...ใครมาก็หนัก ด้วยเพราะ....มันรอไม่ได้ มาแล้วทีมต้องเล่นให้มีทรง มีทิศทางในเวลาอันสั้น
เพียงแต่วันนี้....ต้องทนกับระบบหลัง3 ไปก่อน
เห็นโปรแกรมนัดต่อไปเจอกับเชลซี...ที่เอนโซ มาเรสก้า ปรับทีมได้ดีขึ้นใน12 เดือนจนคว้าแชมป์โลกอย่างสง่างามเมื่อถล่มเปแอสเช
มารอดูกันนัดต่อนัดว่า....ปรัชญาหลังสามของเขาจะสังเวยประตูและความพ่ายแพ้ให้เชลซี
หรือ....จะกลับมาเล่นดีอย่างน่าตกใจ
#JACKIE
© 2025 Advanced Info Service PLC. All rights reserved.