Privacy Notice

ประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
กลุ่มบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) สำหรับลูกค้า ผู้ใช้บริการ


          กลุ่มบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ตามรายชื่อที่ปรากฏใน Link นี้ (ซึ่งรวมเรียกว่า “บริษัท”) ให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน จึงได้จัดทำประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ โดยขอแนะนำให้ท่านทำความเข้าใจประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“ประกาศ”) ฉบับนี้ เนื่องจากเป็นการแจ้งให้ท่านทราบถึงวิธีการที่บริษัทปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น การเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย รวมถึงสิทธิต่างๆ ของท่าน ในฐานะที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยประกาศฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งที่กำหนดรายละเอียดตาม นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ กลุ่มบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) บริษัทจึงประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้

  1. ประกาศนี้ใช้กับบุคคลดังต่อไปนี้
    1. ลูกค้าและผู้ใช้บริการ
      • ลูกค้า/ผู้ใช้บริการของบริษัทซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา
      • บุคคลธรรมดาที่ได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัท หรือที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลมาทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ว่าผ่านช่องทางใด
      • ลูกค้า/ผู้ใช้บริการที่เข้าชมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัท
      • ลูกค้า/ผู้ใช้บริการของบริษัทที่เข้ามาในสถานที่ของบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะสำนักงาน สาขา สำนักงานการให้บริการ หรือร้านค้าของบริษัท
    2. ผู้มาติดต่อ
      • ผู้เข้ามาติดต่อบริษัท ณ สถานที่ของบริษัท สำนักงาน สาขา ร้านค้าของบริษัท
      • บุคคลภายนอกที่เข้ามาในพื้นที่ของบริษัท สำนักงาน สาขา ร้านค้าของบริษัท
      • บุคคลภายนอกที่เข้าชมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัท ผู้เข้าร่วมงานกิจกรรม หรือในงานประชาสัมพันธ์ที่จัดโดยบริษัท
  2. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
    “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของท่าน หรืออาจจะระบุตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม หรือเปิดเผย จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับขอบเขตบริการที่ท่านใช้หรือความสนใจในบริการหรือสินค้าของท่าน หรือกิจกรรมความสัมพันธ์ของท่านที่มีอยู่กับบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะข้อมูลดังต่อไปนี้
    • ชื่อ นามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด สัญชาติ ภาพถ่าย ภาพและหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน ข้อมูลหนังสือเดินทาง
    • ข้อมูลการติดต่อ ที่อยู่ อีเมล หมายเลขโทรศัพท์
    • ลายมือชื่อ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ชื่อผู้ใช้ รหัสประจำตัว หรือรหัสผ่านของผู้ใช้บริการ
    • ข้อมูลเกี่ยวกับการสมัครสมาชิกผ่านเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของบริษัท
    • ข้อมูลประวัติการใช้บริการ พฤติกรรมการใช้บริการ การใช้เครือข่าย และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัท หรือของพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการบริการ
    • ข้อมูลทางการเงิน เช่น ข้อมูลการชำระเงิน หมายเลขบัตรเครดิต และหมายเลขบัญชีธนาคาร
    • ข้อมูลที่ใช้เพื่อระบบรักษาความปลอดภัย เช่น ข้อมูลโทรทัศน์วงจรปิด (กล้องวงจรปิด) ข้อมูลการบันทึกภาพ ภาพเคลื่อนไหว และเสียงผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และ/หรือสื่ออื่น เป็นต้น
    • ข้อมูลที่ใช้เพื่อการพัฒนาการให้บริการ และ รวมถึงในกรณีที่ลูกค้าเกิดปัญหาในการใช้งาน
    • ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับบริษัทในการปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงข้อมูลเพื่อการตรวจสอบและใช้ในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องในกรณีที่มีการกระทำผิดเงื่อนไขการใช้บริการ หรือผิดกฎหมายใดๆ
    • ข้อมูลเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการกลุ่มเฉพาะที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ
    • ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับบริษัทในการปฏิบัติตามกฎหมาย คำร้องขอตามกฎหมายของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและ/หรือคำสั่งศาล รวมถึงเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย เพื่อการปฏิบัติหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายของบริษัท
  3. ฐานทางกฎหมาย
    บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลข้างต้นตามข้อ 2 โดยฐานทางกฎหมายที่บริษัทใช้เป็นหลัก ได้แก่ เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น หรือเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หรือเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือเป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อการปฏิบัติหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายของบริษัท ซึ่งหากท่านไม่ให้ข้อมูลดังกล่าว บริษัทอาจไม่สามารถให้บริการหรือดำเนินการตามที่ท่านร้องขอได้
  4. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
    1. บริษัทอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยตรงจากช่องทางและกิจกรรมต่างๆ เช่น
      • ขั้นตอนการยื่นคำขอ การสมัคร การเข้าทำสัญญาการใช้บริการต่างๆ กับบริษัท เช่น การเปิดเบอร์ใหม่ การสมัครบริการเสริม การขอรับสิทธิประโยชน์ การขอสมัครบริการอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
      • จากการทำแบบสอบถามของท่าน การรับส่งข้อความทางอีเมล หรือช่องทางสื่อสารอื่น ๆ ระหว่างบริษัทกับท่าน
      • จากการใช้บริการ การใช้เครือข่าย และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการ เช่น ตำแหน่งที่ใช้งานภายในเครือข่าย ข้อมูลตำแหน่งที่สร้างโดย Global Positioning System (‘GPS’)
      • จากการใช้เว็บไซต์ของบริษัทผ่าน Cookies ของท่าน เช่น Google Analytics ตามนโยบายการใช้ Cookies ของบริษัท
      • ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้กับบริษัท ผ่านพนักงาน หรือผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น แอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ หรือเว็บไซต์ของบริษัท เป็นต้น
      • ภาพจากกล้องวงจรปิด
      • ขั้นตอนการติดต่อ สอบถามกับบริษัท
      • จากการแลกบัตรยืนยันตัวบุคคลก่อนเข้าสถานที่ของบริษัท สาขา สำนักงาน ร้านค้าของบริษัท
    2. บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากท่านโดยตรง ซึ่งแหล่งข้อมูลดังกล่าวมีสิทธิเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น หน่วยงานของรัฐ บริษัทในเครือ บริษัทในกลุ่มของบริษัท บริษัทในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกัน ผู้ให้บริการเสริม ผู้ร่วมให้บริการเสริม พันธมิตรทางธุรกิจ คู่สัญญาของบริษัท ผู้รับจ้างช่วงที่บริษัทไว้วางใจให้ดำเนินการสมัครบริการ ให้บริการ และ/หรือ ให้บริการเสริมแก่ท่าน แหล่งข้อมูลสาธารณะ สื่อสังคมออนไลน์ หรือสื่อสาธารณะ เป็นต้น
  5. วัตถุประสงค์การเก็บรวบรวม ใช้และเปิดเผย
    • เพื่อให้บริการตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอก่อนเข้าทำสัญญา
    • เพื่อให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล บริการเสริม หรือให้บริการสิทธิประโยชน์อื่นใดโดยบริษัท บริษัทในเครือ บริษัทในกลุ่มของบริษัท บริษัทในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกัน ผู้ให้บริการเสริม หรือผู้ร่วมให้บริการเสริมแก่ท่าน
    • เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเครือข่าย การให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ
    • เพื่ออำนวยความสะดวกในการแจ้ง การติดตาม ทวงถาม หรือการชำระค่าบริการ ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ เช่น การส่งหนังสือแจ้งค่าบริการ ใบสั่งซื้อสินค้าและบริการ การแจ้งเตือนให้ชำระค่าสินค้าและบริการ จัดทำใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษี
    • เพื่อการบริหารจัดการข้อมูลเพื่อส่งให้หน่วยงานที่ต้องการตรวจสอบการบริหารจัดการข้อมูลทั้งภายนอกและภายใน เพื่อป้องกันการทุจริต
    • เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลในการให้บริการ การวางแผนการตลาด กิจกรรมทางการตลาดของบริษัทและกลุ่มพันธมิตรที่บริษัทเป็นคู่สัญญาหรือมีนิติสัมพันธ์ตามกฎหมาย
    • เพื่อแจ้งและนำเสนอ สิทธิประโยชน์ ข้อมูล ข่าวสาร รายการส่งเสริมการขาย และข้อเสนอต่างๆ เกี่ยวกับการสมัคร การซื้อขายสินค้า หรือการใช้บริการต่างๆ ของบริษัทรวมถึงนิติบุคคลหรือกลุ่มพันธมิตรที่บริษัทเป็นคู่สัญญาหรือมีนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายผ่านทางอีเมล ข้อความ แอปพลิเคชัน โซเชียลมีเดีย โทรศัพท์ เป็นต้น
    • เพื่อการสมัคร หรือเปิดใช้บริการ การสั่งซื้อสินค้า การขายสินค้า บริการด้านการชำระเงินและการทำธุรกรรมทางออนไลน์หรือการใช้บริการต่างๆ ของบริษัท บริษัทในเครือ บริษัทในกลุ่มของบริษัท บริษัทในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกัน รวมถึงนิติบุคคลหรือกลุ่มพันธมิตรที่บริษัทเป็นคู่สัญญาหรือมีนิติสัมพันธ์ตามกฎหมาย
    • เพื่อดำเนินการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของผู้สมัครสำหรับลงทะเบียนและเข้าใช้บริการ
    • เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย และ/หรือมีเหตุจำเป็นอื่นใดเพื่อประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท
    • เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่กฎหมายกำหนดให้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
    • เพื่อให้บริการหลังการขาย หรือบริการตามที่ท่านร้องขอ สนับสนุนการใช้งาน ให้ข้อมูล ตอบรับ และแก้ไขข้อร้องเรียนต่างๆ
    • เพื่อสอบถาม ประเมิน ความเข้าใจ ความต้องการและความพึงพอใจของท่าน
    • เพื่อการแจ้งข้อมูล ข่าวสาร ให้แก่หน่วยงานกำกับดูแลและภาครัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย
    • เพื่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลและเครือข่ายการให้บริการของบริษัท
    • เพื่อการรักษาความปลอดภัยและป้องกันอาชญากรรมของสถานประกอบการและสาขาของบริษัท เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิด
    • เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อการปฏิบัติหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายของบริษัท
    • เพื่อเป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท
    • เพื่อป้องกัน ระงับ ยับยั้งการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายหรือ ดำเนินการใดๆ อันกระทบต่อความสงบเรียบร้อยต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน
    • เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการตรวจสอบและยืนยันตัวบุคคล ก่อนเข้าพื้นที่บริษัท สำนักงาน สาขา หรือร้านค้าของบริษัท
    • เพื่อดำเนินการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของบุคคลภายนอกสำหรับเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของบริษัท
  6. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่น
    บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบุคคลและนิติบุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นบริษัทในเครือ บริษัทในกลุ่มของบริษัท บริษัทในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกัน พันธมิตรทางธุรกิจของกลุ่มบริษัท หรือหน่วยงาน องค์กร นิติบุคคลหรือบุคคลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัท (“บุคคลอื่น”) เว้นแต่เป็นการเปิดเผยเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในข้อ 5 ของประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ โดยบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บุคคลอื่น เช่น
    • ผู้แทนจำหน่ายของบริษัท
    • ผู้ให้บริการด้านการขนส่ง
    • ผู้ให้บริการเกี่ยวกับธุรกรรมและการเงิน
    • ผู้ให้บริการระบบคลาวด์
    • ผู้ประมวลผลข้อมูล
    • ผู้ให้บริการทางด้านเทคโนโลยี และจัดทำโปรแกรมหรือระบบไอทีต่าง ๆ
    • ที่ปรึกษาวิชาชีพ
    • ผู้ให้บริการประกันภัยที่ท่านประสงค์จะเข้าใช้บริการ
    • ผู้ให้บริการเสริม หรือบริการสิทธิประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ใช้บริการ ที่ดำเนินการโดยบริษัท บริษัทในกลุ่มของบริษัท บริษัทในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกัน พันธมิตรทางธุรกิจของกลุ่มบริษัท
    • หน่วยงานที่ต้องการตรวจสอบการบริหารจัดการข้อมูลทั้งภายนอกและภายใน เพื่อป้องกันการทุจริต
    • หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานที่มีอำนาจควบคุมและกำกับดูแลตามกฎหมาย
    • หน่วยงานอื่นเพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมาย เช่น หน่วยงานที่ปฏิบัติตามคำสั่งทางกฎหมาย หน่วยงานตรวจสอบ หรือกระบวนการทางกฎหมาย / การฟ้องร้อง
    • บุคคลอื่นที่จำเป็นเพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจและให้บริการแก่ท่าน รวมถึงดำเนินการใด ๆ ตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • บริษัทในเครือ บริษัทในกลุ่มของบริษัท บริษัทในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกัน พันธมิตรทางธุรกิจของกลุ่มบริษัท

      ท่านตกลงและรับทราบว่า บริษัทมีการว่าจ้างหรือมอบหมายให้บริษัทในเครือ บริษัทในกลุ่มของผู้ให้บริการ พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ร่วมให้บริการเสริม หรือหน่วยงาน องค์กร นิติบุคคลหรือบุคคลใดๆ ในการให้บริการสื่อสารทางโทรศัพท์ การให้บริการเสริม การให้บริการประเภทอื่นๆ รวมถึงให้สิทธิประโยชน์อื่นๆ เพื่อให้บริการแก่ท่านร่วมกับบริษัท รวมถึงประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้บริการข้างต้นแก่ท่าน ด้วยเหตุดังกล่าว บริษัทจึงมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบริษัทในเครือ บริษัทในกลุ่มของบริษัท บริษัทในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกัน พันธมิตรทางธุรกิจของกลุ่มบริษัท หรือหน่วยงาน องค์กร นิติบุคคลหรือบุคคลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัท การให้บริการเสริม การให้บริการประเภทอื่นๆ รวมถึงให้สิทธิประโยชน์อื่นๆ แก่ท่าน

      ทั้งนี้ ให้นิยามของบริษัทในกลุ่มของบริษัท เครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกัน มีความหมายดังต่อไปนี้

      “บริษัทในกลุ่มของบริษัท”
      หมายถึง บริษัทที่มีรายชื่อตามรายละเอียดที่แนบในประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ รวมถึง บริษัทที่อยู่ในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกันกับบริษัท

      “เครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกัน”
      หมายถึง กิจการที่บริษัทมีอำนาจควบคุมบริหารจัดการเหนือกิจการอื่น หรือกิจการที่ถูกควบคุมโดยบริษัทที่มีอำนาจเหนือกิจการอื่น ในรูปแบบบริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม หรือบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกันทางกฎหมาย หรือเกี่ยวข้องกันเนื่องจากการประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจร่วมกัน โดยใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาตามมาตรฐานทางบัญชีอันเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป
  7. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
    1. บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการในกรณีที่มีการใช้บริการอยู่ ย้อนหลังไม่น้อยกว่า 90 วัน ตลอดเวลาที่ใช้บริการ เว้นแต่กรณีท่านร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้บริการซึ่งจำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อพิสูจน์ความถูกต้องของการใช้บริการ การเรียกเก็บค่าบริการ หรือการตรวจสอบคุณภาพการให้บริการ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นต่อประโยชน์ในการพิสูจน์ไว้จนกว่าการพิจารณาเรื่องร้องเรียนแล้วเสร็จ แต่จะไม่เก็บรักษาเกินกว่า 2 ปีนับแต่วันที่รับเรื่องร้องเรียนตามที่กฎหมายกำหนด
    2. กรณีการให้บริการสิ้นสุดลง บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่น้อยกว่า 90 วันนับแต่วันสิ้นสุดสัญญาการให้บริการ เว้นแต่กรณีมีความจำเป็นหรือมีการเรียกเก็บค่าบริการที่ค้างชำระ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ แต่ไม่เกิน 2 ปีนับแต่วันสิ้นสุดสัญญาการให้บริการ หรือระยะเวลาตามที่กฎหมายอื่นกำหนด
    3. นอกเหนือจากการให้บริการโทรคมนาคมแก่ท่าน บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของบริการแต่ละประเภท ตามระยะเวลาที่มีสัญญาหรือนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายที่บังคับใช้ระหว่างท่านและบริษัท
  8. การลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
    บริษัทจะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามมาตรฐานการทำลายข้อมูลของบริษัท เมื่อพ้นระยะเวลาจัดเก็บ หรือเมื่อบริษัทไม่มีเหตุจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแล้ว ซึ่งข้อมูลจะถูกจัดเก็บรักษาไว้ต่อไปตามระยะเวลาที่เหมาะสมและจำเป็นสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท เว้นแต่บริษัทไม่สามารถลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลได้ เนื่องจากเหตุต้องปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับกับบริษัท หรือเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดในการปฏิบัติงานภายในของบริษัท หรือเพื่อดำเนินการตามข้อเรียกร้องทางกฎหมายหรือกรณีที่หน่วยงานกำกับดูแลร้องขอ
  9. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ
    บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทในเครือ บริษัทในกลุ่มของบริษัท บริษัทในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกัน พันธมิตรทางธุรกิจของกลุ่มบริษัท ที่บริษัทเป็นคู่สัญญาหรือมีนิติสัมพันธ์ตามกฎหมาย รวมทั้งแพลตฟอร์มของคลาวด์ (Cloud) ในต่างประเทศ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของท่าน ประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจในภาพรวม เพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุในข้อ 5 ของประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ และเพื่อในการดำเนินกิจการของบริษัทเท่าที่จำเป็น

    ทั้งนี้ ท่านตกลงและยินยอมให้บริษัทส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านออกนอกประเทศไทยไปยังบุคคลหรือหน่วยงานที่อยู่ในประเทศอื่น หรือภายใต้เขตอำนาจกฎหมายของประเทศอื่น ไม่ว่ากฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในประเทศนั้นอาจถึงเกณฑ์หรือไม่ถึงเกณฑ์มาตรฐานของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย ทั้งนี้ บริษัทจะปฏิบัติตามขั้นตอนที่เหมาะสมในการคุ้มครองรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระดับเดียวกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไท

    นอกจากนี้ บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบริษัทในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกันที่อยู่ในต่างประเทศ โดยบริษัทได้กำหนดนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล ไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งอยู่ต่างประเทศและอยู่ในเครือกิจการ หรือเครือธุรกิจเดียวกันเพื่อการประกอบกิจการหรือธุรกิจร่วมกัน
  10. การขอความยินยอม
    ในกรณีที่บริษัทไม่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นได้ บริษัทอาจขอความยินยอมจากท่าน ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
    1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data) เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อการใช้หรือให้บริการของบริษัทบางประเภทเท่านั้น เช่น ข้อมูลของบุคคลที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นและการได้ยิน หรือเพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลทางชีวภาพ (Biometric) ซึ่งหากบริษัทไม่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นได้ บริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน
    2. เพื่อการวิเคราะห์ วิจัย ทำสถิติรวมถึงการพัฒนาปรับปรุงบริการหรือสินค้าของบริษัทหรือกลุ่มพันธมิตรของบริษัท ที่ไม่ใช่การดำเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งหากบริษัทไม่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นได้ บริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน
    3. การดำเนินการทางการตลาด การนำส่งข้อเสนอสินค้าและบริการ ข่าวสาร คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ การออกกลยุทธ์ทางการตลาด การเสนอสิทธิพิเศษในการเข้าร่วมกิจกรรมที่บริษัท พันธมิตรทางธุรกิจหรือนิติบุคคลอื่นที่มีนิติสัมพันธ์กับบริษัทในการขายสินค้าหรือให้บริการ ซึ่งหากบริษัทไม่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นได้ บริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน
    4. หากบริษัททราบอยู่ก่อนแล้วว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้เยาว์ ซึ่งบริษัทจะต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดา หรือผู้ปกครอง บริษัทจะไม่เก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้เยาว์จนกว่าจะได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจ เว้นแต่เป็นกรณีที่มีฐานทางกฎหมายกำหนดให้บริษัทสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอม
  11. สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
    ท่านสามารถขอใช้สิทธิของท่านภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต โดยสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัทหรือขอใช้สิทธิด้วยตัวท่านเอง ตามช่องทางที่บริษัทกำหนดไว้เพื่อยื่นคำร้อง โดยบริษัทจะขอให้ท่านแสดงหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าท่านเป็นเจ้าของข้อมูลจริง

    บริษัทอาจมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามแต่กรณีหากพบว่าคำขอของท่านไม่มีมูล ซ้ำซาก หรือมีจำนวนมากเกินจำเป็น และบริษัทอาจปฏิเสธคำร้องขอใช้สิทธิที่ไม่สุจริต / ไม่สมเหตุสมผล / ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง หรืออาจปฏิเสธคำร้องขอของท่านตามหลักเกณฑ์อื่นใดที่กฎหมายกำหนด

    ทั้งนี้ ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
    1. สิทธิขอถอนความยินยอม
      เมื่อท่านให้ความยินยอมกับบริษัทเพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใดโดยเฉพาะแล้ว ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่เป็นกรณีที่มีข้อจำกัดสิทธิตามกฎหมาย หรือเกี่ยวข้องกับสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ทั้งนี้การถอนความยินยอมอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของท่านจึงควรศึกษา สอบถามถึงผลกระทบก่อนการดำเนินการใช้สิทธิดังกล่าว หากการถอนความยินยอมของท่านทำให้บริษัทไม่สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์หรือให้บริการบางอย่างให้แก่ท่านได้ บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงผลกระทบจากการถอนความยินยอม ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้ให้ความยินยอมไว้แล้วโดยชอบก่อนการถอนความยินยอมดังกล่าว
    2. สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลและขอรับสำเนา
      ท่านมีสิทธิขอเข้าถึง ขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น สำเนาบันทึกการใช้งานโทรศัพท์ (Call Detail Record: CDR) สำเนาใบแจ้งหนี้ สำเนาใบเสร็จ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่บริษัทกำหนด ณ สำนักงานบริการเอไอเอสหรือผ่านแอปพลิเคชัน myAIS ได้ตลอดเวลา หรือขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธคำขอของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนดหรือตามคำสั่งศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
    3. สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล
      ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีที่บริษัทได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลภายนอก หรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้ส่งหรือโอนไปยังบุคคลภายนอก เว้นแต่บริษัทไม่สามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ หรือโดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้ หรือบริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย
    4. สิทธิขอคัดค้าน
      ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ ในกรณีใช้เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ ซึ่งการใช้สิทธิคัดค้านของท่านอาจทำให้บริษัทไม่สามารถให้บริการแก่ท่านได้
      • การรับข้อความ หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด เพื่อประชาสัมพันธ์จากบริษัท
      • การรับข้อความ หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด เพื่อประชาสัมพันธ์จากผู้ให้บริการเสริมที่เป็นคู่สัญญากับบริษัท
      • การรับข้อความ หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด เพื่อประชาสัมพันธ์จากพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท
      • การถูกติดตามทวงถามค่าใช้บริการทาง ข้อความ หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด
      • การถูกติดตามทวงถามค่าใช้บริการด้วยบุคคลทางโทรศัพท์
      • การเสนอขายสินค้า บริการ และการส่งเสริมการตลาดด้วยบุคคลทางโทรศัพท์
      • การตลาดแบบตรง

        อย่างไรก็ดี หากท่านยื่นคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยเป็นไปเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือเพื่อภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ บริษัทอาจจะยังคงการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยต่อไป หากบริษัทแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการก่อตั้ง สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

        ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธคำขอของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนดหรือตามคำสั่งศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
    5. สิทธิขอระงับการใช้ข้อมูล
      ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราว ในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอใช้สิทธิให้บริษัทระงับการใช้แทน
    6.  สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล
      ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบหรือทำลายข้อมูลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามสัญญาสำหรับการให้บริการหรือมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธคำขอของท่าน
    7. สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล
      ท่านมีสิทธิขอแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ และทำให้ข้อมูลของท่านเป็นปัจจุบันได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย
    8. สิทธิในการร้องเรียน
      ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยท่านสามารถแจ้งมาที่ช่องทางการติดต่อของบริษัท เพื่อได้รับการตรวจสอบชี้แจงหรือแก้ไขข้อกังวลต่างๆ จากบริษัทก่อน หรือร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่มีอำนาจในการกำกับดูแลตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
  12. มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและคุณภาพของข้อมูล
    1. บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจึงกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาต ทั้งนี้ เป็นไปตามที่กำหนดในนโยบายกลุ่มการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
    2. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวม เช่น ชื่อ อายุ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัตรประชาชน ข้อมูลทางการเงิน เป็นต้น ซึ่งสามารถบ่งบอกตัวบุคคลของท่านได้ และเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน จะถูกนำไปใช้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัทจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
  13. กิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการตลาด
    ในระหว่างการใช้บริการ บริษัท บริษัทในเครือ บริษัทในกลุ่มของบริษัท บริษัทในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกัน พันธมิตรทางธุรกิจของกลุ่มบริษัท ผู้โฆษณา หรือผู้ร่วมให้บริการเสริม อาจส่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการตลาด ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท รวมถึงบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล บริการเสริม หรือบริการให้สิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ท่านอาจมีความสนใจ โดยท่านสามารถดำเนินการยกเลิกความยินยอมในการรับแจ้งข้อมูลข่าวสารได้ ตามช่องทางที่บริษัทกำหนด
  14. นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์อื่น
    ประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ใช้เฉพาะสำหรับการให้บริการของบริษัทและการใช้งานเว็บไซต์ของบริษัทเท่านั้น หากท่านได้เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์อื่น แม้จะผ่านช่องทางในเว็บไซต์ของบริษัทก็ตาม ท่านจะต้องศึกษาและปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในเว็บไซต์นั้น ๆ แยกต่างหากจากของบริษัท
  15. ในกรณีที่ท่านปฏิเสธไม่ให้เก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
    บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายหรือเพื่อการเข้าทำสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่กำหนดในข้อ 5 ของประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้หรือตามที่กฎหมายกำหนด หากท่านประสงค์ที่จะไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบริษัท อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถให้บริการแก่ท่านได้ในกรณีที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่กำหนดในข้อ 5 ของประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ และการปฏิบัติตามกฎหมาย

    ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องขอความยินยอมจากท่านในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (เนื่องจากไม่มีฐานทางกฎหมายอื่น) หากท่านไม่ยินยอมให้บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านยังคงสามารถใช้บริการของบริษัทได้ ซึ่งอาจทำให้ท่านได้รับความสะดวกจากการใช้บริการน้อยลง เนื่องจากบริษัทไม่ได้รับความยินยอมให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  16. การดำเนินการ แนวปฏิบัติ และนโยบายที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
    บริษัทมีนโยบายปฏิบัติตามกฎหมายรวมถึงประกาศ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ว่าด้วยมาตรการคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้บริการโทรคมนาคมเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิในความเป็นส่วนตัว และเสรีภาพในการสื่อสารถึงกันโดยทางโทรคมนาคม และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงออกมาตรการคุ้มครองข้อมูลผู้ใช้บริการบนหน้าเว็บไซต์ของบริษัท
  17. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    บริษัทได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO) เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของบริษัทที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนี้ บริษัทได้จัดทำระเบียบ คำสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่กำหนดไว้ เพื่อให้การดำเนินงานตามแนวนโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อีกทั้ง ยังเป็นไปตามนโยบายของคณะกรรมการกำกับการบริหารข้อมูลส่วนบุคคลและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของบริษัท
  18. ช่องทางการติดต่อบริษัทเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
    สายงานธุรกิจบริหารลูกค้าและการบริการ (Customer and Service Management Business Unit)
    กลุ่มบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
    เลขที่ 414 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
    หรือติดต่อผ่าน สำนักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Office Unit)
    [email protected]

    บริษัทอาจมีการเปลี่ยนแปลง แก้ไข เพิ่มเติมประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราวตามความเหมาะสมและความจำเป็นของบริษัท ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงบริษัทจะแจ้งประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับใหม่ไว้บนเว็บไซต์ของบริษัท

 

 

แก้ไขล่าสุด: กันยายน 2568