ในมุมของผู้ประกอบการธุรกิจที่ให้ความสนใจกับเทคโนโลยี AI สิ่งที่ควรทำความเข้าใจอันดับแรกไม่ใช่ว่า AI จะเข้ามาแทนที่ใคร แต่ควรสนใจกับการปรับเปลี่ยนให้บุคลากร หรือพนักงาน สามารถนำ AI มาใช้เพื่อพัฒนาทักษะในการทำงาน เพื่อเปลี่ยนบทบาทจาก “คนที่ทำงานตามสั่ง” ให้กลายเป็น “ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญ” ด้วยการใช้ AI เป็นเครื่องมือเสริมให้ทำงานได้รวดเร็วขึ้น คิดได้กว้างขึ้น และสร้างสรรค์ได้มากกว่าเดิม
นี่คือเนื้อหาส่วนหนึ่งภายใต้หัวข้อใน “Infinite Shift : เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ใช้ AI ให้เป็น” ของคุณโชค วิศวโยธิน Co-founder The Magic Wand AI ภายในงาน Transformative Infinite SMEs Program ที่จัดขึ้นโดย AIS Infinite SMEs เพื่อเปิดทางให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เข้าใจถึงการทำงานร่วมกับ AI ซึ่งไม่ใช่แค่ช่วยให้องค์กรธุรกิจแข่งขันได้ แต่ยังเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างบุคลากรยุคดิจิทัลที่เติบโตไปร่วมกับองค์กรด้วย
เทคโนโลยี AI ได้เข้ามาเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมในออฟฟิศ (Industrialized Workplace) สำหรับคนทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ (White Collar) ซึ่งไม่ต่างจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมในอดีต ทั้งในยุคของเครื่องจักร การมาของคอมพิวเตอร์ รวมถึงอินเทอร์เน็ต ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการสื่อสาร และรูปแบบการทำงานอย่างสิ้นเชิง สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ผู้ที่สามารถปรับตัวและทำงานร่วมกับเทคโนโลยีได้จะอยู่รอดและเติบโต ในขณะที่ผู้ที่ไม่ยอมปรับเปลี่ยนจะถูกแทนที่”
คุณโชค ให้มุมมองว่า AI คือ "โอกาส" ที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Generative AI ที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์งานต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ พร้อมยกตัวอย่างในการตั้งชื่อ และออกแบบโลโก้ ของ AI อย่าง Namelix.com ที่สามารถสร้างงานออกมาได้ในเวลาอันสั้น ซึ่งถ้าเป็นบริษัทออกแบบโลโก้ คงเกิดคำถามตามมาว่าจากเทคโนโลยีนี้บริษัทจะ "เจ๊ง" หรือ "เจ๋ง”
AI Draft + Human Craft พัฒนางานเกรด B ให้เป็นเกรด A
ด้วยการที่ AI สามารถผลิตงานออกมาได้จำนวนมาก แต่ถ้ามองว่าสิ่งที่ผลิตออกมาเป็นงาน "เกรด B" ซึ่งเป็นงานร่างคุณภาพดีได้ในปริมาณมากและรวดเร็ว แต่มนุษย์คือผู้ที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ (Expertise) ประสบการณ์ (Experience) และความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) มายกระดับงานนั้นให้เป็น "เกรด A" จะทำให้องค์กรสามารถทำงานได้เร็วขึ้นและตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีขึ้น นี่คือหัวใจของการเปลี่ยนภัยคุกคามให้เป็นโอกาส
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรตระหนักไว้เสมอคือ “อย่าเชื่อ AI ทั้งหมด” เพราะ AI ทำงานโดยการคาดการณ์คำถัดไปทางสถิติ อาจให้ข้อมูลที่ผิดพลาดได้เสมอ มนุษย์ต้องเป็นผู้ตรวจสอบและรับผิดชอบผลลัพธ์สุดท้าย ซึ่งแน่นอนว่า ผู้ที่มีความรู้เฉพาะทาง จะยิ่งกลายเป็นตำแหน่งงานที่สำคัญมากขึ้น เช่นเดียวกับการที่ตำแหน่งงานของคนที่มีความรู้ครึ่งๆ กลางๆ จะหายไป ทำให้ต้องเร่งพัฒนาทักษะให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ เข้าใจกระบวนการทำงานขององค์กร และเลือกใช้งานเครื่องมือ AI ที่เหมาะสม
นอกจากนี้ เมื่อมีการนำเครื่องมือ AI มาใช้ภายในองค์กร จะช่วยให้สามารถพัฒนาธุรกิจโดยรวม อย่างเช่น การเปลี่ยนพนักงานปฏิบัติการ (Operation) ไปสู่การควบคุมคุณภาพ (Quality Assurance) เปลี่ยนงานที่ทำซ้ำๆ ไปสู่การพัฒนากระบวนการทำงานให้ดีขึ้น (Process Improvement) และที่สำคัญคือเมื่อมีเวลามากขึ้น สามารถนำไปใช้ในการคิดค้นนวัตกรรม (Innovation) ให้กับองค์กรได้ด้วย
แนวคิด “4ง” เตรียมองค์กรรับ AI
คุณโชค ได้นำเสนอแนวคิด 4ง. ให้แก่ผู้บริหาร ที่ต้องการนำ AI มาใช้งานในองค์กร เพราะไม่ใช่แค่การลงทุนเทคโนโลยี แต่เป็นเรื่องของการปรับเปลี่ยนคน และกระบวนการทำงาน ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมความพร้อมที่ประกอบด้วย
1.โง่ - เตรียมพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ เปิดรับโอกาสในการทำความเข้าใจ และใช้ AI ให้เป็น
2.งาน - กำหนดนโยบาย และยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการนำ AI มาใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นทำงานอะไร เพื่ออะไร ทีมงานใดรับผิดชอบ
3.เงื่อนไข - วางแนวทางในการกำกับดูแล AI (AI Policy and Governance) เพื่อความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือขององค์กร
4.เงิน - เพราะ AI ฟรี ไม่มีจริง รวมถึงต้องมีงบประมาณในการพัฒนาคน และระบบงานอย่างจริงจัง
ที่สำคัญไม่แพ้กันคือการสร้าง "AI Literacy" ให้กับทีมงาน ประกอบด้วย 5 เรื่องหลัก ได้แก่ ความเข้าใจในแนวคิด AI, การรู้จัก Application ของ AI, การแยกแยะระหว่าง Hype กับ Reality ของ AI, ความเข้าใจด้าน AI Safety and Security, และ Responsible AI หรือการใช้งาน AI อย่างรับผิดชอบ
สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการยกระดับศักยภาพธุรกิจ สามารถติดตามเนื้อหาที่น่าสนใจจาก AIS Infinite SMEs ได้ที่ https://www.ais.th/infinite-smes
© 2025 Advanced Info Service PLC. All rights reserved.