การประเมินคุณค่าอย่างยั่งยืน (Sustainability Value Assessment: SVA) กำลังเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจอย่างมากในวงการธุรกิจยุคใหม่ เนื่องจากการวัดผลทางการเงินอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการวัดความสำเร็จและผลกระทบของธุรกิจในปัจจุบัน การคำนึงถึงผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริหารต้องพิจารณา เพื่อสร้างความยั่งยืนและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ (Economic Value Added: EVA)
การบรรยายโดยคุณอนันตชัย ยูรประถม Director of SBDi Sustainable Business Development Institute ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ Startup Thailand และผู้บริหารได้ชี้ให้เห็นถึงหลักการและแนวทางการใช้ SVA อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับผู้บริหาร
ในปัจจุบัน การวัดผลตอบแทนจากการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสังคม (SROI และ ROSI) เป็นเพียงมิติเดียวของการประเมินคุณค่าและการคำนวณมูลค่า แต่การใช้ SVA ครอบคลุมมากกว่าแค่ด้านสังคม โดยจะต้องมีทั้งการประเมินมูลค่าทางการเงิน (FVA) และการประเมินคุณค่าในมิติที่ไม่ใช่การเงิน (Non-financial Value Assessment) เพื่อให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ (EVA) ได้อย่างแท้จริง
- อย่าทำเพื่อแค่ภาพลักษณ์หรือเพื่อแค่รางวัล เพราะจะไม่ยั่งยืน
- ต้องตั้งวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ (Business Objective) และวัดผลตอบแทนได้
- การวัดผลตอบแทนจุดสำคัญคือต้องออกแบบตัวชี้วัด (Metric) การวัดก่อน
- ผู้บริหารต้องเข้าใจหลักคิดด้วย เพื่อจะได้ดูว่าค่าที่ใส่มาถูกต้อง
การประเมินคุณค่าที่ดีควรมาจากการมีวัตถุประสงค์ทางธุรกิจและแนวทางที่ชัดเจน ควรดูว่าอะไรที่สามารถเติมเต็มให้กับธุรกิจได้ การประเมินคุณค่าควรพิจารณาทั้งในมิติทางการเงิน, ผลลัพธ์ที่เป็นตัวตน, และความรู้ที่ได้ ผู้บริหารต้องเข้าใจหลักคิดทั้งหมดก่อนที่จะเริ่มออกแบบ และค่อยนำเครื่องมือมาใช้เพื่อทำนายคุณค่าตามที่ตั้งใจทำไว้
การประเมินคุณค่าที่ดีเกิดจากการมี Business Intention และ Objective ไว้ก่อน แต่บางครั้งจะเจอ Value หรือ Factor บางอย่างที่เกิดขึ้นเองตามบริบทของพื้นที่และชุมชนที่ต่างกัน ดังนั้นผู้บริหารต้องมีการทบทวนกับทีมงานเสมอ นอกจากนี้ ควรตัด Factor ที่ถึงเราไม่ทำ คนอื่นก็ทำอยู่แล้วออกไป
การหาคุณค่าต้องลงพื้นที่ถามคนในพื้นที่และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคน ทั้งในส่วน Social และ Business ว่าเขาได้รับประโยชน์มากน้อยแค่ไหน Value จะมีสองส่วนหลักคือ Demand และ Supply ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดคุณค่าและมูลค่าของการลงทุนที่ลงไป เช่น เวลาหิว อาหารจะมีคุณค่าสูงกว่าเวลาไม่หิว การประเมินคุณค่าที่ดีต้องทำ Stakeholder Engagement ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อรู้ว่าคุณค่าอยู่ที่ไหน
การออกแบบการประเมินเบื้องต้นประกอบด้วย:
- การตั้งสมมุติฐาน
- การออกแบบ Scenario ตามสมมุติฐาน
- การออกแบบคำถาม
- การตั้งคำถามแบบง่าย ๆ เช่น ทำไปแล้วใครใช้กันแน่ เขาใช้ทำไม ถ้าไม่มีเขาตายไหม หรือมีของทดแทนได้ไหม
- วิจัยเชิงคุณภาพ ความสามารถไม่ได้อยู่ที่เครื่องมือ แต่อยู่ที่คนทำมีความเข้าใจมากน้อยแค่ไหน
การประเมินคุณค่าและมูลค่าอย่างยั่งยืนต้องมองที่ Business Intention และความเข้าใจบริบทของพื้นที่ มีการออกแบบและตั้งคำถามที่ดี รวมถึงการทำ Stakeholder Engagement อย่างสม่ำเสมอ สูตรเป็นของตาย แต่การออกแบบและปรับใช้ต้องมีความ Dynamic เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและมีคุณค่าในทุกมิติ.
ขอบคุณข้อมูลจากคุณ คุณอนันตชัย ยูรประถม Director of SBDi Sustainable Business Development Institute